วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กระเป๋าที่ขาดของลูกคือ แรงบันดาลใจของพ่อ




เป็นเรื่องเล่าของคนต้นแบบอีกท่านหนึ่งที่กรุณามาร่วมถอดบทเรียนสำหรับการเลิกสุราได้อย่างยั่งยืน “คุณบุญเติม” หรือพี่บุญเติม จะเป็นที่รู้จักของเราๆ คนทำงานเป็นอย่างดี พี่บุญเติมเล่าว่าได้เลิกได้มาประมาณ 15 ปี เมื่อก่อนนั้นดื่มหนักมาก ... แบบไม่เป็นผู้เป็นคน เงินเดือนที่ได้รับ 1,800 บาท เสียไปกับค้าเหล้าก็ตกประมาณพันกว่าบาทต่อเดือน เงินเดือนก็ไม่พอใช้...

ชีวิตการดื่มสุรานั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่เรียนจบ มศ.5 (สมัยก่อน) เรียนจบก็ไปทำงานที่ชลประทาน จังหวัดสกลนคร ชีวิตตอนนั้นดื่มหนัก จนมีอาการขนาดว่ามือสั่น มือชา จนต้องไปรักษา... ครอบครัวก็มีปัญหามาตลอด

แรงบันดาลใจ... ที่ทำให้พี่บุญเติมเลิกสุราได้นั้น คือ “ลูกสาวคนโต” น้ำเสียงของพี่บุญเติมนิ่งเบา เหมือนสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างไว้ พร้อมกับนึกย้อนไปเมื่อประมาณสิบห้าปีก่อน ... “วันนั้นไปรับลูกที่โรงเรียน กระเป๋านักเรียนลูกขาด ไม่มีแม้เงินในกระเป๋าที่จะพาลูกไปซ่อมกระเป๋าได้ อย่าว่าแต่ซื้อใหม่เลย” ตอนนั้นรู้สึกสะเทือนใจ มองหน้าลูกสาว แล้วทำให้ได้คิดว่า ถ้าตนเองไม่ดื่มเหล้าคงจะมีเงินเหลือพอที่จะชดเชยส่วนนี้ให้ลูกได้

ได้ตั้งใจในใจตนเองว่า ... จะเลิกดื่มสุรา อยากจะสร้างอนาคตเพื่อลูก
นับตั้งแต่วันนั้น พี่บุญเติมก็ตัดสินใจเลิกดื่ม และเล่าให้ฟังว่า “แรกๆ นั้นยากมาก ต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง ต้องใช้ความอดทน ตัดตนเองออกจากสังคมและงานสังสรรค์ เพราะเกรงว่าถ้าไปแล้วใจควบคุมตนเองได้ไม่ดี”

“จะไม่ปล่อยตัวเองให้ว่างเลย พอว่างเมื่อไร ก็จะไปทำสวน ปลูกผัก เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ยึดการทำสวนเป็นงานอดิเรกไม่ให้ตนเองหวนไปคิดถึงเรื่องเหล้า”

“ตั้งเป้าหมายกับตนเองว่า จะไม่ดื่มไม่ไปสัมผัสอบายมุขเหล่านี้เลย” พี่บุญเติมเล่าว่าตนเองนั้นมีครอบครัวเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะลูกๆ คือ แรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่

เวลาได้ล่วงเลยผ่านมา...
ลูกสาวตัวน้อยๆ คนนั้น ตอนนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ชั้นปีที่ 3 เมื่อให้มองย้อนกลับไป พี่บุญเติมบอกกล่าวว่า ถ้าวันนั้นตนเองยังไม่เลิกดื่ม ลูกคงไม่มีโอกาสที่ดีอย่างวันนี้ หลังจากที่ตนเองเลิกดื่มสุรา ครอบครัวก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องเล่าของพี่บุญเติม...เป็นเรื่องราวของความรักที่ยิ่งใหญ่ของพ่อที่มีต่อลูก
ทำให้เป็นทั้งกำลังใจและเป้าหมายที่อยากจะทำสิ่งดีดีให้กับครอบครัวและตนเอง

เราตั้งข้อสังเกตว่า ... ก่อนหน้านี้ พี่บุญเติมเองก็ไม่ได้เกิดแรงบันดาลใจอะไรมากมายนัก แต่...เนื่องจากว่าเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่เห็นลูกสาวตนเองเดินหิ้วกระเป๋าที่ขาดรุ่งริ่งไปโรงเรียน เป็นสาเหตุทำให้พี่บุญเติมรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก จนก่อให้เกิดเป็นความพลิกผันต่อชีวิตและครอบครัวตนเองมาจนถึงปัจจุบัน

น้องไก่ – พยาบาลประจำสถานีอนามัยนั่งฟังเรื่องเล่าของพี่บุญเติมอยู่ใกล้ๆ รู้สึกซึ้งใจ ไก่บอกต่อพวกเราว่า “ขณะที่ฟังนั้น น้ำตาซึม สัมผัสได้ของความรักที่พี่บุญเติมมีให้กับลูกสาว มันยิ่งใหญ่มาก” ...

พี่บุญเติมเสริมต่อว่า “กระเป๋าขาดอาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องเล็กน้อย แต่เหตุการณ์วันนั้นสะเทือนใจผมมาก”

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตายเป็นตายอย่างไรก็จะให้สามีเลิกสุราให้ได้



สิบกว่าปีที่ผ่านมาที่คุณอุไร รำลึกถึงความหลังและถอดบทเรียนบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณอุไรช่วยเหลือสามีเพื่อให้เลิกสุราให้ได้ เธอพยายามมาทุกวิถีทางทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะโน้มน้าวและช่วยเหลือให้สามีเลิกสุราได้ เธอมองว่าการที่สามีดื่มสุรานั้นมีแต่จะทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข แต่ละเดือนต้องเสียเงินไปเป็นจำนวนเท่าไรไม่อาจทราบได้

และในเมื่อพยายามอย่างไรสามีก็ไม่หยุดดื่ม
เธอจึงตัดสินใจทำประชดสามีโดยการตัดสินดื่มสุราเอง “ลองดู...ถ้าเขาเลิกไม่ได้ เรานี่แหละจะดื่มเป็นเพื่อนเขาเอง”... จากนั้นมาเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาดื่มสุรา จนถึงขนาดที่เรียกว่าเมาหัวราน้ำเลยทีเดียว หลายครั้งต่อหลายครั้งที่เมาหนักจนได้หามกลับมาส่งที่บ้าน เมื่อสามีเห็นสภาพภรรยาเป็นอย่างนี้อยู่แรมปี จึงเกิดความรู้สึกที่ตัดสินใจเลิกดื่มสุราทันที และเป็นการเลิกอย่างเด็ดขาด ตลอดจนส่งผลมาถึงการเลิกบุหรี่ด้วย

ความท้าทายที่คุณอุไร ได้ตัดสินใจทำลงไป
เรามองว่าเสี่ยงมาก แต่จากเวทีเรื่องเล่าครั้งนี้ พี่อู๊ด ซึ่งเป็นพยาบาลที่กลุ่มงานเวชกรรมสังคม ได้เสริมและเล่าให้ฟังว่า ... “แม้จะดูว่าสิ่งที่คุณอุไรทำนั้นเสี่ยงมาก แต่อย่างหนึ่งที่ได้พบ ก็คือ สามีรักเธอมาก การที่คุณอุไรตัดสินใจเลือกทำวิธีนี้เสมือนว่าเป็นการทิ้งไผ่ใบสุดท้ายก็เนื่องมาจากว่าเธอแน่ใจว่า สามีรักเธอยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก”

ขณะที่คุณอุไรได้เล่าเรื่องราวสู่เราฟังนั้น เธอมีน้ำตาคลอเบ้าตา อันเป็นความตื้นตันใจ
เธอบอกว่า ทุกวันนี้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น และดีขึ้นมาก จากเงินที่ใช้จ่ายไปในการซื้อเหล้า ซื้อบุหรี่ในแต่ละเดือนที่นำมารวมกันแล้วหลายพันบาท ตอนนี้ทำให้มีรายได้ของครอบครัวเพิ่มขึ้น ไม่ต้องไปเสียเงินจ่ายไปในส่วนนี้เลย

จากบทเรียนดังกล่าวทำให้คุณอุไร ได้หันมาทบทวนตัวเองว่า “ตัวเองนั้นติดอะไรบ้าง... ก็นำมาพิจารณา โดยเธอจะมานั่งคำนวณว่าเธอเสียเงินไปมากน้อยเพียงไร ถ้าเธอหยุดจะทำให้เธอมีเงินทองเหลือเก็บเท่าไร”...

การเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ... เธอจะนำแรงบันดาลใจทางด้านเศรษฐกิจมาเป็นแรงหนุนนำใจให้นำพาตนเองและครอบครัวออกจากการดื่มสุราและสูบบุหรี่ได้

ในวงแลกเปลี่ยน... ได้มีคำถามถามคุณอุไรว่า “หวั่นใจไหมว่าประชดสามีด้ายการดื่มสุราจะมีชาวบ้านนินทา”

คุณอุไร ตอบด้วยใบหน้ามุ่งมั่นว่า “มัวแต่โมโหให้สามีมากกว่า ว่าเวลาที่ดื่มเหล้าแล้วนั้นไม่ยอมกลับบ้าน นอนเมาอยู่ข้างถนน ตอนนั้นไม่กลัวอะไร ไม่กังวลว่าจะมีใครมาว่า ก็ประชดไปเลยว่าถ้าคุณไม่เลิกดื่ม ฉันก็จะดื่มด้วย เกือบหนึ่งปี ได้เห็นชีวิตชัดมาก และที่สำคัญได้มาพบกับธรรมะ คำสอนและสัจจธรรมที่ว่า ถ้าหากยังดื่มเหล้าอยู่ก็คงเมาอยู่เหมือนสุนัขข้างถนน”

ทุกวันนี้แม้ว่าเธอและสามีจะเลิกดื่มแล้ว...แต่ก็ยังเข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อนได้ตามปกติ และที่สำคัญหน้าที่หนึ่งที่คุณอุไรทำเสมอ ก็คือ การช่วยเหลือสังคมด้วยการคอยแนะนำและรณรงค์ให้ทั้งคนใกล้ชิดและคนในชุมชนเลิกดื่ม แม้ว่าความพยายามของเธอจะดำเนินไปเห็นผลได้ช้า แต่เธอก็ไม่ย่อท้อและยังคงดำเนินตามเจตนาที่ตั้งไว้อยู่....เฉกเช่นเดิม

หยุดก็คือ หยุด เรื่องเล่าจากคุณประสาทพร


จากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องเล่าจากคนต้นแบบที่ประสบผลสำเร็จจากการนำพาตนเองออกจากวิถีแห่งการดื่มสุรา ได้อย่าง...แน่นอนและแน่ชัดอย่างยิ่งในใจ
พี่สาท หรือ คุณประสาทพร ...

เป็นหนึ่งในคนต้นแบบที่ให้ความกรุณาต่อเรา มาบอกกล่าวต่อประสบการณ์แห่งชีวิต มีคำกล่าวหนึ่งที่กระทบและสะดุดในใจของข้าพเจ้าอย่างยิ่ง จากคำบอกกล่าวที่ว่า

"เรื่องราวของผมนั้น อาจจะต่างจากพี่มนตรี ... ในเรื่องแรงบันดาลใจ..." จากนั้นพี่สาทก็นิ่งเงียบไป กับความพยายามสะกัดอารมณ์และความรู้สึกที่ถาโถม ณ ช่วงเวลานั้น จากจุดผลันเปลี่ยน "วิกฤตของชีวิตต่อการสูญเสียบุตรชายที่ดื่มสุราและจมน้ำลับหายไป" เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้พี่สาทหันเหนำพาตนเข้าสู่วิถีแห่งธรรม... จนสามารถน้อมนำมาสู่การนำมาใช้ในชีวิต

จากเหตุการณ์นั้น...ทำให้พี่สาทตัดสินใจเลิกดื่มสุรา
และเป็นการเลิกแบบหักดิบ แบบไม่มีการประณีประนอมใดใดต่อตนเอง

"รู้..แล้วก็หยุด นั่นก็คือ หยุด"... ไม่ต้องทำอะไรมาก เป็นคำกล่าวที่พี่สาทบอกต่อพวกเรา ณ เวทีแห่งนี้อีกครั้ง...หยุดก็คือ หยุด...เท่านั้นเอง
ลงมือทำความรู้...เมื่อได้รู้แล้ว...ก็คือ หยุด

ช่างเป็นความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว...อย่างยิ่งนัก

พี่สาทเล่าว่า... "อาจเป็นเพราะรู้สึกรักตนเอง และเป็นความรักที่เผื่อแผ่ไปถึงชาติหน้าด้วย เพราะไม่รู้ว่าชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยการนำพาตนเองให้อยู่ในศีล ... ชาติหน้าจะได้ไม่ไปตกอยู่ในอบายภูมิ"

"หยุดก็คือ หยุด กลัวว่าสิ้นชีพไปแล้ว กล้วในเรื่องชาติหน้า และที่สำคัญวิทยากร ดร.กะปุ๋มมีส่วนแนะนำในเรื่องปฏิบัติธรรม อีกทั้งตนเองได้ฟังธรรมจากเทปธรรมะของท่านพระปราโมทย์ ฟังแล้วส่งผลต่อการเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตนเอง อันเป็นที่มาให้ตนเองได้เกิดความคิดว่า หยุดก็คือ หยุด"...

จากคำถามที่เริ่มต้นที่ว่า อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ตัดสินใจเลิกสุรา? ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ผ่านเรื่องราวที่บุคคลผู้เป็นต้นแบบ ที่สามารถนำพาตนเองสู่การเลิกสุราได้...


คุณมนตรี...ได้บอกเล่าให้พวกเราได้ทราบจากประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี ที่ว่าอะไรคือ แรงบันดาลใจที่ทำให้ตนเองตัดสินใจเลิกสุราได้ "ความรักความเข้าใจของครอบครัว"นี่เป็นคำบอกกล่าวตอนเริ่มต้น และสิ่งที่เป็นแรงเกื้อหนุน และมูลเหตุจูงใจอย่างแท้ คือ พุทธรรม จากการได้เรียนรู้และใกล้ชิด ผนวกกับการทำงานติดตามท่านผู้อำนวยการ นพ.กวี ไชยศิริ ทำให้คุณมนตรีได้เรียนรู้วิธีการแห่งชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาธรรม การใฝ่เรียน และใฝ่รู้ ... ประสบการณ์และการผ่านชีวิตมาจากทั้งการทำงานที่ต่างประเทศที่มีความทุกข์ยากทางกายอย่างมากมาย ส่งผลให้ได้เกิดการเรียนรู้ที่ว่า "อดทน"


สมัยแรกเริ่มที่ตนเองเลิกสุราใหม่ๆ นั้นได้อาศัยความอดทนอย่างแรงกล้า ใช้ความกล้าหาญเผชิญหน้า ที่จะตั้งใจฝ่าฟันเพื่อผ่านไปให้ได้

จากนั้น ก็ได้มีการทบทวนกับตนเองในเรื่องข้อดีข้อเสีย ... มองว่าโทษการดื่มสุราที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้น คือ อะไร ซึ่งคุณมนตรีก็ได้บอกเล่าว่า "มีแต่เสียไม่มีได้ ไม่ว่าจะเสียเวลา เสียเงิน เสียสุขภาพ"


"ใจ" คือ ความสำคัญการที่จะเลิกได้หรือไม่ได้อยู่ที่ใจ เป็นประโยคที่คุณมนตรีจะเน้นย้ำต่อพวกเราเสมอขณะที่ถ่ายเรื่องราวผ่านประสบการณ์ให้เราฟัง

ลูกและภรรยา ... เป็นแรงใจที่สำคัญที่ทำให้ตนเองผ่านห้วงเวลานั้นมาได้

การปฏิบัติตนตาม "ฆราวาสธรรม" ทำให้ตนเองได้มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ อันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวที่มั่นคงยิ่งกว่าสิ่งใดใด ทำให้ใจไม่วอกแวกไปหาการดื่มสุรา


มีคำถาม...ที่ทำให้เราอยากทราบเพิ่มเติมว่า วิธีการในช่วงเวลาของการเลิกสุราใหม่ๆ นั้นมีวิธีการอะไรบ้างที่ทำให้คุณมนตรีนำพาตนเองรอดมาได้


คุณมนตรีเล่าว่า ... "การออกกำลังกาย" ร่วมด้วยช่วยให้ร่างกายขับพิษต่างๆ ออกมาได้ จากที่ตนเองมีใบหน้าที่หมองค้ำ หน้าดำคล่ำเครียด ตอนนี้กลับมีสุขภาพดีหน้าตาเบิกบานผ่องแผ้ว ผ่องใส 20 กว่าปีของการเลิกสุราได้อย่างเด็ดขาด "ใจ" นั้นเป็นที่ตั้งเป็นความสำคัญ ผนวกกับสิ่งแวดล้อม ครอบครัวมีส่วนสำคัญต่อชีวิตของคุณมนตรี และที่สำคัญ "ธรรมะ" นั้นนั่นครองอยู่ที่ใจมาตลอดของชีวิตที่ดำรงอยู่