วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตายเป็นตายอย่างไรก็จะให้สามีเลิกสุราให้ได้



สิบกว่าปีที่ผ่านมาที่คุณอุไร รำลึกถึงความหลังและถอดบทเรียนบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณอุไรช่วยเหลือสามีเพื่อให้เลิกสุราให้ได้ เธอพยายามมาทุกวิถีทางทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะโน้มน้าวและช่วยเหลือให้สามีเลิกสุราได้ เธอมองว่าการที่สามีดื่มสุรานั้นมีแต่จะทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข แต่ละเดือนต้องเสียเงินไปเป็นจำนวนเท่าไรไม่อาจทราบได้

และในเมื่อพยายามอย่างไรสามีก็ไม่หยุดดื่ม
เธอจึงตัดสินใจทำประชดสามีโดยการตัดสินดื่มสุราเอง “ลองดู...ถ้าเขาเลิกไม่ได้ เรานี่แหละจะดื่มเป็นเพื่อนเขาเอง”... จากนั้นมาเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาดื่มสุรา จนถึงขนาดที่เรียกว่าเมาหัวราน้ำเลยทีเดียว หลายครั้งต่อหลายครั้งที่เมาหนักจนได้หามกลับมาส่งที่บ้าน เมื่อสามีเห็นสภาพภรรยาเป็นอย่างนี้อยู่แรมปี จึงเกิดความรู้สึกที่ตัดสินใจเลิกดื่มสุราทันที และเป็นการเลิกอย่างเด็ดขาด ตลอดจนส่งผลมาถึงการเลิกบุหรี่ด้วย

ความท้าทายที่คุณอุไร ได้ตัดสินใจทำลงไป
เรามองว่าเสี่ยงมาก แต่จากเวทีเรื่องเล่าครั้งนี้ พี่อู๊ด ซึ่งเป็นพยาบาลที่กลุ่มงานเวชกรรมสังคม ได้เสริมและเล่าให้ฟังว่า ... “แม้จะดูว่าสิ่งที่คุณอุไรทำนั้นเสี่ยงมาก แต่อย่างหนึ่งที่ได้พบ ก็คือ สามีรักเธอมาก การที่คุณอุไรตัดสินใจเลือกทำวิธีนี้เสมือนว่าเป็นการทิ้งไผ่ใบสุดท้ายก็เนื่องมาจากว่าเธอแน่ใจว่า สามีรักเธอยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก”

ขณะที่คุณอุไรได้เล่าเรื่องราวสู่เราฟังนั้น เธอมีน้ำตาคลอเบ้าตา อันเป็นความตื้นตันใจ
เธอบอกว่า ทุกวันนี้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น และดีขึ้นมาก จากเงินที่ใช้จ่ายไปในการซื้อเหล้า ซื้อบุหรี่ในแต่ละเดือนที่นำมารวมกันแล้วหลายพันบาท ตอนนี้ทำให้มีรายได้ของครอบครัวเพิ่มขึ้น ไม่ต้องไปเสียเงินจ่ายไปในส่วนนี้เลย

จากบทเรียนดังกล่าวทำให้คุณอุไร ได้หันมาทบทวนตัวเองว่า “ตัวเองนั้นติดอะไรบ้าง... ก็นำมาพิจารณา โดยเธอจะมานั่งคำนวณว่าเธอเสียเงินไปมากน้อยเพียงไร ถ้าเธอหยุดจะทำให้เธอมีเงินทองเหลือเก็บเท่าไร”...

การเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ... เธอจะนำแรงบันดาลใจทางด้านเศรษฐกิจมาเป็นแรงหนุนนำใจให้นำพาตนเองและครอบครัวออกจากการดื่มสุราและสูบบุหรี่ได้

ในวงแลกเปลี่ยน... ได้มีคำถามถามคุณอุไรว่า “หวั่นใจไหมว่าประชดสามีด้ายการดื่มสุราจะมีชาวบ้านนินทา”

คุณอุไร ตอบด้วยใบหน้ามุ่งมั่นว่า “มัวแต่โมโหให้สามีมากกว่า ว่าเวลาที่ดื่มเหล้าแล้วนั้นไม่ยอมกลับบ้าน นอนเมาอยู่ข้างถนน ตอนนั้นไม่กลัวอะไร ไม่กังวลว่าจะมีใครมาว่า ก็ประชดไปเลยว่าถ้าคุณไม่เลิกดื่ม ฉันก็จะดื่มด้วย เกือบหนึ่งปี ได้เห็นชีวิตชัดมาก และที่สำคัญได้มาพบกับธรรมะ คำสอนและสัจจธรรมที่ว่า ถ้าหากยังดื่มเหล้าอยู่ก็คงเมาอยู่เหมือนสุนัขข้างถนน”

ทุกวันนี้แม้ว่าเธอและสามีจะเลิกดื่มแล้ว...แต่ก็ยังเข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อนได้ตามปกติ และที่สำคัญหน้าที่หนึ่งที่คุณอุไรทำเสมอ ก็คือ การช่วยเหลือสังคมด้วยการคอยแนะนำและรณรงค์ให้ทั้งคนใกล้ชิดและคนในชุมชนเลิกดื่ม แม้ว่าความพยายามของเธอจะดำเนินไปเห็นผลได้ช้า แต่เธอก็ไม่ย่อท้อและยังคงดำเนินตามเจตนาที่ตั้งไว้อยู่....เฉกเช่นเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น